Wednesday, June 17, 2015

ผีพุ่งใต้ เรืองราวในอดีต


ผีพุ่งใต้ เรืองราวในอดีต

ในอดิตเมื่อห้าสิบปีขึ้นไป  ในพื้นที่ ตำบลคลองเรียน อำเภอหาดใหญ่ทีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับผีสางต่าง ๆ
รวมทั้งเรื่องราวของ ผีพุ่งใต้ เรื่องได้เล่ากันมาว่า
ในอดิตพื้นที่ ตำบลคลองเรียนจะเป็นสวนยาง การปลูกสวนยางเมื่อก่อน ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ ชาวบ้านจะปลูกยาง
แบบง่ายๆ ไม่มีระเบียบ และการดูแลรักษา สวนยางเมื่อก่อนก็จะมีลักษณะคล้ายๆกับเป็นป่ายางมากกว่า
และชาวบ้านจะปลูกบ้านเรือน เป็นหย่อมๆ  หย่อมละสี่ ห้าหลังคา  ส่วนมากจะเป็นลูกหลาน ญาติๆกัน
ในบริเวณบ้านก็จะปลูก ผลหมาก รากไม้ต่างๆไว้ใกล้บ้านเรือน ถัดออกไปก็จะเป็นป่ายางซึ่งจะมี ต้นไม้
ต่างๆ จำพวกไม้เบญจพรรณขึ้นสะหนาแน่น ปล่อยไว้ไม่มีการตัดทิ้งจึงเป็นในลักษณะป่ายางมากกว่าสวนยาง
และในป่ายางบริเวณคลองเรียนจะมีนกชิดหนึ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเมื่อก่อนจะกลัวนกชนิดนี้ไม่อยากให้มา
เข้าใกล้ ส่วนเรื่องผีพุ่งใต้ก็มีเรื่องเล่าในพื้นที่นี้เช่นกัน  มีเรื่องเล่าว่า ในยามดึกดื่นเที่ยงคืน ชาวบ้านมักจะเห็น
ดวงไฟลอยผ่านมาใกล้บริเวณหมู่บ้าน ไฟบางดวงจะลอยจากด้านบนพุ่งลงมาทางพื้นดินรุ่งเช้าชาวบ้านจะ
เข้าไปดูก็ไม่พบอะไร มันจะหายไปแล้วไม่มีร่องรอยอะไรด้วย สร้างความสงสัยและความกลัวให้กับชาวบ้านมาก
ส่วนคนที่ไม่กลัวและไม่เชื่อในเรื่องผีสาง ก็จะบอกว่าเป็นพวกดาวตก แต่ก็ไม่กล้ายืนยัน เพราะดวงไฟที่ลอยไปมา
ไม่ได้พุ่งลงสู่พื้นอย่างเดืยว มีดวงไฟบางดวงกลับลอยไปลอยมาและลอยหายเข้าไปในป่ายาง ในยามดึกดื่นค่ำคืน
ชาวบ้านที่ไม่เชื่อในเรื่องผีสางต่างๆก็ไม่กล้าตามเข้าไปในป่าดู คอยจนรุ่งเช้าจึงชวนกันเข้าไปก็ไม่พบเห็นอะไร
มีบางคนก็บอกว่า เป็นผีกระสือ  เรื่องผีกระสือก็มีเรื่องเล่า มีเหตเกิดขึ้นในหาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
ในสมัยก่อนสวนยางหรือป่ายางจะมืดมาก ไม่มีไฟฟ้าไม่มีแสงสว่างไม่มีแม้แต่ไฟฉายเหมือนในสมัยนี้
ต้องอาศัยแสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ และบางคนก็จะจุดไฟขี้ไต้ให้แสงสว่าง ยามข้างแรมหมู่บ้านจะมืดมาก
แม้ในตัวเมืองหาดใหญ่เองเพียงแค่สองทุ่ม  ถนนหนทางก็จะมืดและเงียบสงัด ไม่มีผู้คนเดิน
ยามดึกจะมีคนเดินตีฆ้องบอกเวลาในชาวบ้านรู้ว่าขณะนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว เหมือนในหนังจีนและคนที่เดินตีฆ้องบอกเวลา
ให้ผู้คนรู้ ก็ไม่ได้มีเงินเดือน เบี้ยหวัด ทำด้วยใจรักและช่วยเหลือผู้คนให้รู้ว่าเวลานี้กี่โมงกี่ยามแล้ว
ยามดึกดื่นหากมีเพียงเสียงหรือเหตการอะไรจะเกิดขึ้น ก็ยากที่จะมีชาวบ้านหรือผู้คนออกมาดู
ต่างก็จะเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน มันทั้งดึก ทั้งมืดและเงียบจนชาวบ้านกลัว นอนไม่หลับไม่ยอมนอน
มันเป็นช่วงหลังสงครามใหม่ ๆ ชาวบ้านย่ิอมไม่ไว้ใจเหตการณ์ต่างๆจะคอยฟังระวังภัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ 
ดูจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบจริงๆ ค่อยเข้านอนรุ่งเช้าแล้วค่อยออกมาถามว่า เมื่อคืนมึอะไรเกิดขึ้น
จึงมีความน่าเห็นใจคนสมัยก่อนมาก ว่าลำบากเพียงใด จะทำอะไรก็ไม่สดวกสบายเหมือนคนสมัยนี้

0 comments:

Post a Comment