Thursday, June 11, 2015

ข้อมูลและตำนานเมืองดงละคร


ข้อมูลและตำนานเมืองดงละคร

         ประวัติและความสำคัญของแหล่งโบราณคดีเมืองดงละคร 

แหล่งโบราณคดีเมืองดงละคร
ยุคสมัย ประวัติศาสตร์ ( ทวารวดี) 
ที่ตั้ง บ้านดงละคร ตำบลดงละคร อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก 
รุ้ง ๑๔ องศา ๐๙ ลิปดา ๑๐ ฟิลิปดา เหนือ 
แวง ๑๐๑ องศา ๑๐ ลิปดา ๒๐ ฟิลิปดา ตะวันออก 
พิกัดกริด ๔๗ PQR ๓๔๓๖๕๕ 
แผนที่ทหาร พิมพ์ครั้งที่ ๑ - RTSD ลำดับชุด L ๗๐๑๗ ระวาง ๕๒๓๗ III 
มาตราส่วน ๑ : ๕๐, ๐๐๐ 
ประวัติการศึกษา การขุดค้นทางโบราณคดี 
วัน เดือน ปี พ. ศ. ๒๕๑๕ , พ. ศ. ๒๕๑๗ , พ. ศ. ๒๕๒๙ , พ. ศ. ๒๕๓๒? ๒๕๓๓ และ พ. ศ. ๒๕๔๖? ๒๕๔๗ 
ผู้รับผิดชอบ โครงการสนองพระราชดำริ ( นครนายก) และกรมศิลปากร 
เอกสารอ้างอิง รายงานการขุดค้น 
การประกาศขึ้นทะเบียน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ 
เส้นทางเข้าสู่แหล่ง
จากจังหวัดนครนายกไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๕ ประมาณ ๖ กิโลเมตร แยกเข้าเส้นทางลาดยางทางซ้ายอีก ประมาณ ๕ กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านดงละคร 

        ประวัติแหล่งโบราณคดี 
บ้านดงละครเป็นหมู่บ้านเก่ามีอายุกว่า ๑๐๐ ปี สามารถสืบย้อนหลังไปได้ถึงสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาระหว่างการสงครามไทย ? พม่า พ. ศ. ๒๓๑๐ ภายหลังสงครามเสียกรุงฯ ผู้คนบางส่วนได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณดงละคร เพราะมีสภาพเป็นป่าและหนองน้ำทั่วไป เมื่อราว ๕๐ - ๖๐ ปีก่อน ยังเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าจำนวนมากและมักจะเข้ามากินข้าวในนาเสมอ ต่อมาชาวบ้านเข้ามาอยู่มากขึ้นช้างป่าก็หนีขึ้นไปอยู่ในเขตเข้าใหญ่

      หลักฐานทางด้านโบราณคดี 
เมืองดงละครเป็นเมืองคูน้ำคันดิน รูปวงรี มีขนาดยาว ๗๐๐ เมตร กว้าง ๖๐๐ เมตร การขุดค้นทางโบราณคดีได้พบหลักฐานการอยู่อาศัยระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๕ มีโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาแบบท้องถิ่นสมัยทวารวดี เครื่องเคลือบสีน้ำตาลคล้ายกลุ่มเตา บ้านกรวด บุรีรัมย์ เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถังและซ้อง และเครื่องถ้วยเปอร์เซีย รวมทั้งลูกปัดแก้วหลายสี ลูกปัดมีตา (eye beads) ลูกปัดสลับสี (mosaic beads) ลูกปัดคาร์เนเลี่ยน และอะเกต ที่แสดงถึงการติดต่อค้าขายกับ อินเดีย ? เปอร์เซีย ( อาณัติ บำรุงวงศ์ , ๒๕๓๓) 

นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์เนื้อเงิน แบบศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๔ และโลหะสำริดประเภทกำไล พระพุทธรูปสำริด ศิลปะบายน พุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ ซึ่งชาวบ้านเก็บรักษาไว้ รวมทั้งขวานหินขัดจำนวนมากที่ผลิตจากหินแอนดีไซต์และไรโอไลท์
การขุดค้นของโครงการโบราณคดีภาคกลาง เมื่อ พ. ศ. ๒๕๒๙ ได้พบโบราณวัตถุคล้ายกับขุดค้นในปี ๒๕๓๓ โดยเฉพาะเศษเครื่องปั้นดินเผามีลายประทับรูปบุคคลและช้าง
ส่วนการขุดค้นครั้งแรกเริ่มใน พ. ศ. ๒๕๑๕ โดยนายพิสิฐ เจริญวงศ์ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น ได้พบหลักฐานในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในระหว่าง พ. ศ. ๒๕๓๕ ได้มีการสำรวจร่วมระหว่าง กรมศิลปากรและกรมทรัพยากรณี ซึ่งนักธรณีวิทยาได้ให้ความเห็นว่า เนินดินดงละครในชั้นที่เป็นกรวดขนาดต่างๆ ที่แสดงถึงการตกตะกอนในระหว่างที่ถูกน้ำพัดพามาอย่างต่อเนื่องสมัยไพลสโตซีน (Pleistocene) ในระหว่างการสำรวจได้ทราบจากสถานีอนามัยดงละครว่ามีการพบเปลือกหอยจำนวนมากทางทิศใต้ของดงละคร คณะสำรวจจึงได้ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว เป็นบริเวณที่ขุดคลองชลประทานและทำประตูระบายน้ำในเขตตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ และตำบลศรีจุฬา อำเภอเมืองนครนายกได้พบเปลือกหอยทะเลขนาดใหญ่ประเภทหอยนางรม หอยสองฝาเป็นหอยกาบ ลักษณะเช่นนี้คล้ายกับการค้นพบที่วัดเจดีย์หอย จังหวัดปทุมธานี กำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ราว 5,500 ? 6,000 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นลักษณะแนวทะเลในระหว่างนั้น
จากจุดนี้นำไปสู่การสำรวจทางธรณีวิทยาต่อไป ซึ่งตัวอย่างการเจาะชั้นดินในไร่อัมพรไพศาล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ในสมัยไพลสโตซีนตอนปลาย ( Late Pleistocene ) ราว 12,000 ? 10,000 ปี แนวชายฝั่งทะเลอยู่ไกลออกไป บริเวณนครนายกและที่ลุ่มภาคเป็นที่ดอน ประกอบด้วย กรวดทราย ศิลาแลง สมัยโฮโลซีน ( Holocene) ราว 10,000 ปี ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมที่ราบลุ่มภาคกลาง และขึ้นสูงสุดเมื่อ 6,000 ปี 
ต่อมาสมัยโฮโลซีนตอนกลาง ราว 6,000 ? 5,500 ปี ระดับน้ำทะเลเริ่มลดลงและเกิดที่ราบเหนือระดับน้ำ ( สิน สินสกุล และคณะ, 2536)
นอกจากนี้การสำรวจทางโบราณคดีในหมู่ที่ 5 ตำบลดงละคร ทางทิศใต้ของเกาะดงละครซึ่งใกล้กับแนวลำน้ำนครนายกเดิม ได้พบโบราณวัตถุประเภทแร่ควอทซ์คุณภาพดี แก้วซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ยังไม่ได้แปรรูปและกำไลสำริด 2 วง จากการขุดบ่อน้ำที่ระดับลึก 4 เมตร สำหรับควอทซ์นั้น เราทราบว่า มีแหล่งที่เขาแก้ว อำเภอบ้านนา ทางทิศเหนือราว 20 กิโลเมตร ส่วนวัตถุดิบแก้วเรายังไม่ทราบแหล่งที่แน่ชัด กำไลสำริดอาจมาจากทางกลุ่มเมืองลพบุรี ซึ่งในบริเวณเขาเพิ่มเราได้พบขวานสำริดมีป้อง จึงชี้ถึงแนวทางในการศึกษา
หลักฐานดังกล่าวแสดงถึงว่า ดงละคร เป็นเมืองท่าสำคัญในระหว่างสมัยประวัติศาสตร์ ในการติดต่อกับอินเดีย จีน และเปอร์เซีย ที่มีการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบกัน และการทำเครื่องประดับเองในกลุ่ม ดงละคร ซึ่งดงละครเองมิได้โดดเดี่ยวแต่มีการติดต่อทั้งภายในและภายนอก ขวานหินขัด ที่พบในดงละครแม้จะไม่ได้พบในหลุมขุดค้นก็ตามอาจมองได้สองประเด็นคือ
กลุ่มดงละครยังคงมีขวานหินใช้ต่อมาอาจในรูปของพิธีกรรม ลักษณะหิน แอนดีไซต์และไรโอไลท์ อันมีแหล่งผลิตที่บ้านห้วยกรวด
ดงละครอาจเป็นจุดผ่านในการติดต่อระหว่างกลุ่มบึงไผ่ดำ และบ้านห้วยกรวดในสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ในบริเวณใกล้เคียงกันเป็นเขตบ้านนายวิพนธ์ ศรีประดับ ได้พบแนวโบราณขนาด 10 X 24 เมตร โดยมีหินทรายขนาดใหญ่วางในรูปสี่เหลี่ยม 4 มุม ในลักษณะคล้ายใบเสมา อาจจะเป็นที่ประกอบพิธีกรรมซึ่งต่างจากกลุ่มโบราณสถานในเมืองดงละครที่สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 17 ? 18 กลุ่มเมืองดงละครได้รับอิทธิพลเขมร เช่นเดียวกับโคกกระโดน อำเภอปากพลี และเมืองศรีมโหสถ ปราจีนบุรี
ภายหลังพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองดงละครคงเป็นกลุ่มชนเล็ก ๆ เพราะการเปลี่ยนเส้นทางแม่น้ำนครนายกคนกลุ่มใหญ่ย้ายไปตั้งเมืองที่นครนายกในสมัยอยุธยาจนถึงเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 พ. ศ. 2310 ชาวเมืองหนีขึ้นไปอยู่บนเขาใหญ่เพื่อหลบภัยพม่า
ในสมัยรัตนโกสินทร์มีกลุ่มลาวพวน ลาวเวียง และมอญ อพยพเข้ามาอยู่ในเขตเมืองนครนายกและอำเภอปากพลี

สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชาธิบายว่าเมือง "ดงละคร" เป็นเมืองที่นางพญา ขอมสมัย โบราณ สร้างไว้ให้องครักษ์ ซึ่งผู้รู้สันนิฐานว่า เมืองที่กล่าวถึงคือ เมืองโบราณดงละคร ชื่อดงละครนี้มาจากตำนานพื้นบ้านบอกเล่าว่า ในคืนวันเพ็ญเต็มดวง ชาวบ้านจะได้ยินเสียงปี่พาทย์แว่วมาตามสายลมแต่หาที่มาของเสียงดนตรีไม่ได้ ชาวบ้านจึงเรียกเมืองแห่งนี้ว่าเมืองดงละครคือดงที่มีเสียงละคร หรือเมืองลับแล 

คุณสมทรง โชติชื่น ท่านเป็นคนดงละครโดยกำเนิดในสมัยวัยเรียนที่โรงเรียนวัดหนองทองทราย ต่อมาได้ศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านได้ประพันธ์เชิงเล่าตำนานเมืองดงละคร (สมทรง โชติชื่น. มปป.) ไว้ดังนี้ 

       ตำนานเมืองดงละคร

แถลงลักษณ์หลักฐาน บุราณเรื่อง ตำนานเมืองกล่าวแจ้ง แถลงไข 
แต่กาลก่อนเป็นดอนดง และพงไพร มีสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย นับร้อยพัน 
ทั้งเสือช้างกวางเก้ง กระเรียนกระรอก สุนัขจิ้งจอกชะนีลิง กะทิงสมัน 
กระต่ายกระแต-แย้บ่าง ค่าครอบครัน อุดมพันธุ์ไม้ป่า น่าเพลิดเพลิน 
ทั้งเต็งรังตะแบกไผ่ ไม้ตะเคียน ไม้กะเบียนกะบกกะเบา ตามเขาเขิน 
แดงสักรังประดู่ ดูเจริญ ชมเพลินธรรมชาติ สะอาดตา 
เหลืองสะพรั่งดังแดนดิน ถิ่นสวรรค์ ด้วยมีพันธ์ไม้บุนนาค มากหนักหนา 
ดอกหล่นอยู่เกลื่อนกลาด ดาษดา ประดับป่างามวิไล ในไพรพง 
คำผู้แก่ผู้เฒ่า แกเล่าขาน แต่ก่อนกาลจำได้ ไม่ไหลหลง 
ใครร้องรำเล่นละคร ในดอนดง อาถรรพ์ส่งสาปสรรค์ มีอันเป็น 
ตามตำนานที่ยินมา ปรากฏชัด ซึ่งประวัติตำบลนี้ ชี้ให้เห็น 
ทั้งวันดีคืนดี ที่ร่มเย็น มีเสียงเล่นร้องรำ มาตามลม 
เสียงละครไพเราะ เสนาะโสต แว่วอุโฆษวังเวงเพราะ ดูเหมาะสม 
เสียงเพลงพิณจินตนา น่านิยม หวาบอารมณ์ภิรมย์ชื่น ระรื่นใจ 
จึงพร้อมกันตั้งนาม ตำบลบ้าน ตามตำนานที่กล่าวแจ้ง แถลงไข 
อาศัยเสียงเล่นละคร ในดอนไพร ตั้งชื่อให้ต้องตรง ว่า "ดงละคร" 

ดงละครนี้ นับเป็นดงที่พิศดาร นอกจะพบเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งแปลงทั้งประหลาดแล้วยังมีลูกหินลูกนิมิตอยู่มากมาย ถ้าวัดต่างๆ ต้องการลูกนิมิตทำพิธีบวงสรวงถูกต้องดีแล้ว ก็สามารถหาได้ตามขนาดต้องการ โดยไม่ยากและไม่รู้จักหมดสิ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ประวัติของดงละครที่ท่านทั้งหลายได้อ่านมาแต่ต้นก็จบลงพอเป็นเครื่องชี้แนะแนวทางให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบถึงประวัติ และความเป็นมาอย่างไรของตำบลดงละคร ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นปู่ย่าตายาย เล่าจดจำสืบต่อกันมาช้านาน 



        ประวัติบ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก

จังหวัดนครนายก 

บ่อน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่จุดที่เป็นบ่อน้ำทิพย์เคยเป็นแนวแม่น้ำนครนายกสายเดิมซึ่งเปลี่ยนทางเดินในภายหลัง ปัจจุบันอยู่ในแนวคูเมืองโบราณระหว่างคันดินสูงประมาณ 20-30 เมตร ซึ่งเป็นแนวกำแพงเมืองชั้นนอกและชั้นใน และมีบ่อศิลาแลง สันนิษฐานว่าเป็นบ่อศิลาแลงที่นำไปสร้างกำแพงเมืองดงละคร และศาสนสถานต่าง ๆ ในสมัยนั้นจากหลักฐานต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันมาอย่างยาวนาน ผ่านยุคสมัยต่าง ๆ มานับร้อย ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นทวาราวดี อยุธยา ธนบุรี จวบจนถึงรัตนโกสินทร์ ทำให้พอที่จะอนุมานเข้ากันได้ว่าดินแดนเมืองดงละครและบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีความสำคัญมาแต่ในอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน จากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งก่อให้เกิดวัฒนธรรมความเชื่อมากมาย ด้วยเวลาผ่านไปเนิ่นนานบ่อน้ำแห่งนี้ก็ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ตามยุคสมัย 

จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2533 เมื่อโรงเจสว่างอริยธรรมสถาน (เม่งมุ๊ยตั๊ว) ได้อัญเชิญเซียนซือจากนครสวรรค์มาประทับทรงในพิธีเปิดอาคารโรงเจหลังใหม่ เซียนซือในร่างทรงได้บอกว่ามีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ดงละคร และร่างทรงดังกล่าวได้ตรงมายังบ่อน้ำแห่งนี้และให้นำน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไปประ พรมโรงเจและผู้มาร่วมงานเพื่อเป็นศิริมงคล นับแต่นั้นมาชาวบ้านก็ได้พากันมาบูชากล่าวคำอธิษฐานตักน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ไปประพรม ดื่มกิน อาบ โดยเชื่อว่าจะทำให้เกิดโชคลาภ หายจากโรคภัยอาการเจ็บป่วย ต่าง ๆ ซึ่งก็บังเกิดผลจริงจึงขนานนามบ่อน้ำแห่งนี้ว่า บ่อน้ำทิพย์ ผู้ที่ยืนยันว่าได้รับผลอันศักดิ์สิทธิ์จากน้ำในบ่อน้ำทิพย์แห่งนี้ คือ นายซ้ง วานิชสรไกร บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 6 ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ 

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 องค์การบริหารส่วนตำบลดงละคร นายเถลิง ครามะคำ นายอำเภอเมืองนครนายก และจังหวัดนครนายก ได้ทำพิธีตักน้ำจากบ่อน้ำทิพย์แห่งนี้ เมื่อเวลา 16.39 น. เพื่อนำไปใช้ในการประกอบพิธีในพระราชพิธีพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบ (72 พรรษา) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ณ พระอารามหลวงวัดอุดมธานี ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก โดยการกำหนดของสำนักพระราชวัง

อนึ่ง องค์การบริหารส่วนตำบลดงละคร เคยจัดงาน ? มาฆะปุณรมีศรีดงละคร? ขึ้นที่บริเวณ บ่อน้ำทิพย์ แห่งนี้ เช่นกัน และในปัจจุบันยังคงมีประชาชนได้มาตั้งจิตอธิษฐานนำน้ำใน บ่อน้ำทิพย์ แห่งนี้ไปดื่มและอาบอยู่เป็นประจำเรื่อยมา 

สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เส้นรุ้งที่ 14 องศา 09 ลิปดา 10 ฟิลิปดาเหนือ เส้นแวงที่ 101 องศา 10 ลิปดา 20 ฟิลิปดาตะวันออก พิกัดกริด 47 PQR 343655 เส้นทางเข้าสู่ บ่อน้ำทิพย์ จากจังหวัดนครนายกไปตามทางหลวงหมายเลข 3076 ถึงบ้านดงละคร ประมาณ 9 

บ่อน้ำทิพย์ ที่ได้รับการบูรณะแล้วในปี พ.ศ. 2549 จากองค์การบริหารส่วนตำบลดงละคร

0 comments:

Post a Comment